ข้อควรรู้เกี่ยวกับน้ำยาแอร์
น้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็น เป็นหัวใจสำคัญของระบบเครื่องปรับอากาศ ทำหน้าที่ดูดซับและถ่ายเทความร้อนออกจากห้อง ช่วยให้เราได้รับความเย็นสบาย น้ำยาแอร์จะหมุนเวียนอยู่ในระบบแบบปิด โดยเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอและกลับมาเป็นของเหลวอีกครั้งในแต่ละรอบการทำงาน
ซึ่งน้ำยาแอร์ (Refrigerant) ถือเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่หลักในการดูดซับความร้อนจากภายในห้องแล้วระบายออกด้านนอกผ่านระบบทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ หากไม่มีน้ำยาแอร์ แอร์ก็ไม่สามารถทำความเย็นได้เลย!
เลือกใช้น้ำยาแอร์ที่เหมาะสมช่วยให้แอร์เย็นเร็ว ประหยัดไฟ และยืดอายุการใช้งาน
• R22 เย็นไว , ราคาถูกแต่ทำลายชั้นโอโซน ซึ่งเหมาะกับ แอร์รุ่นเก่าก่อนปี 2010
• R410A ไม่มีสาร CFC, เย็นจัด แต่เติมยาก ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ซึ่งเหมาะกับ แอร์รุ่นใหม่ทั่วไป
• R32 เย็นเร็ว ประหยัดไฟกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แอร์อินเวอร์เตอร์, แอร์ประหยัดพลังงาน
สัญญาณที่บอกว่า "น้ำยาแอร์รั่วหรือใกล้หมด"
หมั่นสังเกตพฤติกรรมของแอร์ เพื่อป้องกันความเสียหายก่อนลุกลาม
• แอร์ไม่ค่อยเย็นเหมือนเดิม
• มีน้ำแข็งเกาะที่ท่อหรือคอยล์เย็น
• เสียงแอร์ดังผิดปกติ
• ค่าไฟพุ่งสูงกว่าปกติ
การเติมน้ำยาแอร์
โดยปกติ น้ำยาแอร์จะไม่หมดไปเอง เว้นแต่มีการรั่วซึม หากพบว่าแอร์ไม่เย็นหรือมีลมร้อนออกมา อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำยาแอร์รั่ว ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและเติมน้ำยาแอร์ให้ถูกชนิด และปริมาณตามที่ผู้ผลิตกำหนด เพื่อป้องกันปัญหาและยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
คำแนะนำในการดูแลน้ำยาแอร์อย่างไร ให้แอร์เย็นนาน ประหยัดไฟ
• ตรวจเช็คปีละครั้ง
• ล้างแอร์พร้อมเช็ครอยรั่ว
• เติมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
• หากมีการรั่ว ควรซ่อมก่อนค่อยเติม ไม่เช่นนั้นก็รั่วซ้ำอีก
คำแนะนำก่อนเลือกใช้หรือเติมน้ำยาแอร์
• ตรวจสอบชนิดน้ำยาแอร์ที่ระบุไว้บนตัวเครื่อง
• เลือกช่างแอร์ที่มีใบรับรอง ประสบการณ์ หรือบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ
• พิจารณาเลือกน้ำยาแอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น R32